จักรราศี

 


เป็นเวลานานมาแล้วเราพบว่าดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ผ่านหน้ากลุ่มดาวอยู่ 12 กลุ่มและจะเวียนกลับมาผ่านหน้ากลุ่มดาวเดิมไปเรื่อยๆเป็นรอบไป


ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์


ดาวฤกษ์ ในอดีตคือดาวที่อยู่ห่างไกลเหมือนตรึงอยู่กับที่ รวมกันเป็นกลุ่มดาว


ดาวเคราะห์ ในอดีตคือดาวที่เคลื่อนที่ผ่านหน้าดาวฤกษ์เชื่อว่าอยู่ใกล้โลกกว่าดาวฤกษ์


จักรราศี


ดาวฤกษ์ที่รวมกันเป็นกลุ่มดาวมีดวงอาทิตย์โคจรผ่านเราเรียกว่า จักรราศี จักรราศีเป็นกลุ่มดาวที่อยู่หลังดาวเคราะห์ หมุนรอบโลกมี 12 กลุ่มดาว


จักรราศีประกอบด้วย


ภาษาละติน ภาษาไทย ภาษากรีก

1  0° Aries ราศีเมษ Κριός/Kriós

2  30° Taurus ราศีพฤษภ Ταῦρος/Tauros

3  60° Gemini ราศีเมถุน Δίδυμοι/Didymoe

4  90° Cancer ราศีกรกฎ Καρκῖνος/Karkinos

5  120° Leo ราศีสิงห์ Λέων/Léōn

6  150° Virgo ราศีกันย์ Παρθένος/Parthénos

7  180° Libra ราศีตุล Ζυγός/Zygós

8  210° Scorpio ราศีพิจิก Σκoρπιός/Skorpiós

9  240° Sagittarius ราศีธนู Τοξότης/Toxótēs

10  270° Capricorn ราศีมกร Αἰγόκερως/Aegókerōs

11  300° Aquarius ราศีกุมภ์ Ὑδροχόος/Hydrokhóos

12  330° Pisces ราศีมีน

Ἰχθύες/Ιkhthyes


จักรราศีกับเดือน


ในปฏิทินสุริยคติเมื่อดวงอาทิตย์เคลื่อนสู่จักรราศีใด เราจะเรียกชื่อเดือนนั้นตามจักรราศีนั้นลงท้ายด้วยคมหรือยน ซึ่งแปลว่ามาถึงแล้ว หมายถึงดวงอาทิตย์ได้เคลื่อนมาถึงจักรราศีนั้นแล้ว


จักรราศีกับการสังเกต


เวลาที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนมาสู่จักรราศรีใดเราจะมองไม่เห็นจักรราศรีนั้น เพราะดวงอาทิตย์จะขึ้นและตกพร้อมกลุ่มดาวของจักรราศีนั้น แต่เราสามารถสังเกตุจักรราศรีที่ขึ้นแรกหรือสุดท้ายในยามกลางคืนแล้วบอกว่าดวงอาทิตย์อยู่ที่จักรราศรีใดคร่าวๆได้


จุดเริ่มจักรราศี


ในอดีตเมื่อ Hipparchus สังเกตวันที่ดวงอาทิตย์ตัดกับเส้นศูนย์สูตรฟ้าในฤดูร้อนนั้นวัน วสันตวิษุวัต ตรงกับกลุ่มดาวจักรราศีเมษพอดี


จักรราศีกับการส่ายของแกนหมุนโลก


นักดาราศาสตร์ทราบดีว่าโลกเราหมุนรอบตัวเองโดยมีการส่ายของแกนหมุน มีคาบการส่าย 1 รอบประมาณ 25,920 ปี ดังนั้นประมาณทุก 2160 ปี วันที่ดวงอาทิตย์ตัดกับเส้นศูนย์สูตรฟ้าในฤดูร้อนจะเลื่อนขึ้นหนึ่งจักรราศีเสมอ โดยในปี 68BCE ดวงอาทิตย์ได้เคลื่อนที่ข้ามเส้นแบ่งเขตระหว่างจักราศีเมษและมีนพอดี และปัจจุบันนี้เราจึงพบว่าวันวสันตวิษุวัตอยู่ในจักรราศีมีน และในปี ค.ศ. 2597 ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนที่ข้ามเส้นแบ่งเขตระหว่างจักรราศีมีนและกุมภ์ของ IAU


0 Aries, The great new age และ The age of aquarius


ในยุค 1000 ปีก่อนคริสตศักราช วันวสันตวิษุวัตตรงกับจักรราศีเมษ Hippachus จึงเรียกช่วงเวลานั้นเป็น 0 Aries คนทั่วไปในสมัยนั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นของปีซึ่งเป็นเวลาเข้าสู่ฤดูร้อนนั่นเอง ต่อมาราวปีคริสตศักราชที่ 0 ดวงอาทิตย์ก็เคลื่อนย้ายวันวสันตวิษุวัตมาเป็นจักราศีมีน ทำให้เข้าสู่ยุค the great new age ซึ่งตรงกับเวลาที่พระเยซูเกิดพอดีจึงมีความหมายว่า เป็นยุคสมัยใหม่นั่นเอง และในปัจจุบันดวงอาทิตย์กำลังเคลื่อนย้ายสู่จักรราศีกุมภ์ ซึ่งถ้าแบ่งเส้นเขตแดนจักราราศีตามแบบสมัยใหม่หรือ IAU จะตรงกับปี AD 2597 ซึ่งถือว่าเป็น The age of aquarius มีความหมายว่ายุคแห่งการสื่อสาร และไฟฟ้า


ที่มา:


https://usm.maine.edu/planet/why-vernal-equinox-called-first-point-aries-when-sun-actually-pisces-date


Share this:

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

นวัตกรรมตัวเร่งปฏิกิริยาสําหรับการผลิต turquoise ไฮโดรเจนที่ยั่งยืน

รูปภาพ
ทีมวิจัยของ Dr. Woohyun Kim จากแผนกวิจัยไฮโดรเจนที่สถาบันวิจัยพลังงานเกาหลี (KIER) ประสบความสําเร็จในการพัฒนาตัวเร่งปฏิกิริยาคอมโพสิตนิกเกิลโคบอลต์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่สามารถเร่งการผลิต turquoise ไฮโดรเจนได้ ผลการวิจัยได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Fuel Processing Technology ในปี 2021 รัฐบาลเกาหลีได้ประกาศ "แผนการดําเนินงานด้านเศรษฐกิจไฮโดรเจนครั้งแรก" โดยมีเป้าหมายที่จะจัดหาไฮโดรเจนสะอาด 28 ล้านตันภายในประเทศภายในปี 2050 ดังนั้นการวิจัยไฮโดรเจนในเร็ว ๆ นี้จึงมุ่งเน้นไปที่วิธีการผลิตที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ turquoise  ไฮโดรเจน เป็นไฮโดรเจนสะอาดชนิดหนึ่ง เป็นเทคโนโลยีที่ผลิตไฮโดรเจนและคาร์บอนแข็งโดยการย่อยสลายด้วยความร้อนของก๊าซมีเทน (CH₄) ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของก๊าซธรรมชาติ แม้ว่าจะใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นแหล่งกําเนิด แต่ก็ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระหว่างกระบวนการผลิต ส่งผลให้ไม่จําเป็นต้องดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มเติม ทําให้สามารถผลิตไฮโดรเจนที่สะอาดได้ อย่างไรก็ตาม การใช้งานเชิงพานิชย์ของเทคโนโลยีturquoise ไฮโดรเจนล่าช้าเนื่องจากความท้าทายในการจ...
อ่านเพิ่มเติม

ทำไมมุมภายในวงกลมเป็น 360 องศา

รูปภาพ
  จุดเริ่มของการที่มนุษย์ให้วงกลมมีมุมเป็น 360 องศา เริ่มจากการที่ชาวบาบิโลนใช้ระบบการนับตัวเลขฐาน 60 ซึ่งทำให้ชาวบาบิโลนสามารถคำนวณตัวเลขขนาดใหญ่ๆได้สะดวกโดยติดเศษไม่กี่จำนวน ต่อมาเมื่อชาวบาบิโลนรู้จักเรขาคณิต ชาวบาบิโลนพบว่าสามเหลี่ยมด้านเท่าจะมีมุมเท่ากันทุกด้าน พวกเขาจึงกำหนดให้มุมแต่ละมุมมีขนาดเป็นเลขที่ใหญ่ที่สุดที่พวกเขาใช้คือ 60 และเมื่อชาวบาบิโลนรู้จักรูปเรขาคณิตอื่นอีก จนมาถึงวงกลมชาวบาบิโลนได้ใช้สมบัติของวงกลมสร้างคอร์ดที่มีขนาดเท่ากับรัศมิของวงกลมขึ้นและลากเส้นจากจุดศูนย์กลางของวงกลมไปยังปลายทั้งสองของคอร์ดที่ขนาดเท่ากับรัศมีของวงกลม เกิดเป็นสามเหลี่ยมด้านเท่าขึ้นมา ต่อมาเมื่อเราสร้างสามเหลี่ยมด้านเท่าจนรอบจุดศูนย์กลางทำให้เกิดสามเหลี่ยมด้านเท่า 6 รูป และมุมที่จุดศูนย์กลางของวงกลมเท่ากับ 60 x 6 = 360 องศานั่นเอง วงกลมมีมุมรอบจุดศูนย์กลาง 360 องศา เราเชื่อว่าชาวบาบิโลนใช้วงกลมที่มีมุม 360 องศานี้มาตั้งแต่ 2400 ปีก่อนคริสตกาล หรือกว่า 4500 ปีมาแล้ว
อ่านเพิ่มเติม

ทำไมท้องฟ้าถึงมีสีต่างกันในเวลาต่างๆ

รูปภาพ
  ท้องฟ้าประกอบด้วยโมเลกุลและแก๊สมากมาย แสงอาทิตย์ที่มีสีขาวเมื่อเดินทางผ่านมายังโลก แสงจะเกิดการกระเจิงเมื่อปะทะกับโมเลกุลในอากาศ โดยโมเลกุลในอากาศมีขนาดที่ทำให้กระเจิงแสงสีฟ้าได้ดีกว่าสีอื่น ทำไมท้องฟ้าจึงเป็นสีฟ้า ในตอนกลางวันแสงจากพระอาทิตย์ จะกระเจิงกับโมเลกุลของอากาศบนโลก และทำให้แสงสีฟ้ากระเจิงจนหมด ดังนั้นโลกด้านที่เป็นกลางวันจึงเห็นท้องฟ้าเป็นสีฟ้า ตามรูป สีของท้องฟ้าจากแสงอาทิตย์ตามมุมการกระเจิง ทำไมท้องฟ้าตอนเย็นและเช้ามีสีส้มหรือแดง จากรูปข้างต้น เราจะเห็นว่าเมื่อแสงอาทิตย์เดินทางมากระเจิงกับโมเลกุลของอากาศบนโลก แสงสีฟ้าจะกระเจิงไปจนหมด ทำให้ด้านที่เป็นกลางวันของโลกมีสีฟ้า ขณะที่ด้านที่เป็นเวลาเช้าและเย็นจะเหลือแต่แสงสีส้มไปจนถึงสีแดงเหลืออยู่ จึงทำให้เราเห็นท้องฟ้าในยามเช้าและเย็นเป็นสีส้มหรือแดงนั่นเอง สีท้องฟ้าเกิดจากอะไร โดย NASA ท้องฟ้าที่ดาวอื่นเป็นสีอะไร ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าสีของท้องฟ้าขึ้นอยู่กับโมเลกุลในชั้นบรรยากาศของแต่ละดาว หากโมเลกุลของดาวกระเจิงแสงสีใดได้ดี ก็จะทำให้ท้องฟ้าของดาวเป็นสีนั้น ดังเช่น ดาวอังคารประกอบด้วยโมเลกุลของคาร์บอนไดออกไซด์ และสนิมเหล...
อ่านเพิ่มเติม